
“สูตรแห่งชัยชนะ”
*เป้าหมายต้องสำคัญและชัดเจน *ใส่ความมั่นใจและกล้าเดินไปสู่จุดหมาย
*อัพเดตตนเองให้ทันสมัยตลอดเวลา *เสริมจุดแข็งให้แน่นยิ่งขึ้น
*ใส่ใจในทุกรายละเอียด *ห้ามเดินถอยหลังเด็ดขาด
กุญแจแห่งความสำเร็จ คือการลงมือทำอย่างจริงจัง ทุ่มเททั้งแรงกายใจ – ศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กล่าวเปิดเผย
ถือเป็นโอกาสสำคัญที่ท่านอธิการบดี เปิดโอกาสให้ทีมงาน สำนักข่าวการศึกษาไทย ได้สัมภาษณ์แบบ VIP ภายในห้องรับแขกของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดย ท่านศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี ยังคงความเป็นบุคคลที่มีอัธยาศัยดีตลอดเวลา
เทรนด์ปี 2025-2026 ของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัล ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการศึกษา การเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงการเรียนรู้ได้เรียนตามความสนใจและความต้องการ จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต AI ไม่เพียงแต่จะเป็นเครื่องมือในการเสริมสร้างการเรียนรู้ แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการเรียนการสอนอีกด้วย นอกจากนี้ การนำ AI มาใช้ในการศึกษาอย่างสร้างสรรค์ยังช่วยสนับสนุนการเรียนรู้แบบส่วนบุคคล โดยสามารถปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคน ส่งผลให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและมีความสุขในการเรียนรู้มากยิ่งขึ้นค่ะ
พัฒนาการที่ไม่หยุดนิ่ง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เติบโตขึ้นมาก พวกเราได้เห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านการศึกษาและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการมุ่งเน้นในการพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัยและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงาน มหาวิทยาลัยฯ ได้เปิดหลักสูตรใหม่ ๆ ที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้ลงทุนในการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในวิทยาเขต เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการพัฒนานักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงห้องสมุดให้ทันสมัย การเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อความผ่อนคลาย และการพัฒนาศูนย์กีฬาและสุขภาพที่ครบครัน
ความสำเร็จเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ในการเป็นผู้นำด้านการศึกษาเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองต่อไป เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและสร้างอนาคตที่ดีให้กับนักศึกษาและสังคมโดยรวม
ศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ได้กล่าวถึงเทรนด์การศึกษาของปี 2025 นี้ว่า AI (Artificial Intelligence) เป็นเทรนด์ที่ทุกหลักสูตรของเราต้องปรับตัวและเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ประเทศจีน เขาก็จะส่งอาจารย์มาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เพื่อกลับไปพัฒนาหลักสูตรของเขา อย่างคณะศึกษาศาสตร์ บริหารการศึกษา คณะศิลปศาสตร์ คณะดุริยางคศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะนิเทศศาสตร์ เป็นต้น ก็จะมีนักศึกษาต่างชาติ มาเรียนอยู่หลายพันคน เราก็มีทั้งนักศึกษาไทยและนักศึกษาต่างชาติ มาเรียนรวมทั้งแลกเปลี่ยนก็หลายหลักสูตร รวมทั้งในปี 2568 นี้ ทางมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี กำลังคัดเลือกนักศึกษาที่มีความพร้อม ที่จะไปเรียนทางด้าน AI ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเขาให้ทุนตลอด 3 ปี
ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มีการขยายในทุกด้าน อย่างด้านกายภาพ เราซื้อที่เพิ่มขึ้น จะสร้างอาคารเพิ่มขึ้น อย่างคณะพยาบาล เราก็สร้างอาคาร ให้เขาไว้เป็นห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีประชากร ชุมชน ที่มาใช้บริการอยู่นับหมื่นคน โดยในแต่ละวันก็จะมาใช้บริการหลายร้อยคน ตอนนี้ก็เป็นแหล่งปฏิบัติการได้ดีมาก ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ เราก็จะใช้มหาวิทยาลัยฯ เป็นศูนย์ปฏิบัติการ นอกจากที่จะไปปฏิบัติงานตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยในคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฯ ร่วมกับ โรงพยาบาลราชพิพัฒน์ สังกัด กทม. ในเฟสแรกเราก็ไปสร้างอาคารศึกษาให้กับโรงพยาบาลพร้อมที่ดิน ซึ่งต่อไปนักศ฿กษาเราก็จะได้เข้าไปใช้ในการเรียนการสอน ตลอดจนฝึกปฏิบัติการจริงกับสถานการณ์จริงอีกด้วย
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มีหลักที่ว่า ลูกศิษย์ที่เข้ามาเรียน “อยากเรียนต้องได้เรียน” หมายถึง ผู้ที่อยากเรียนแต่ไม่มีทุนทรัพย์ ถ้ามีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ รัฐบาลก็ส่งเสริมตลอดจน โครงการ “แต้มต่อ” ที่เน้น “One Stop Service” มุ่งสร้างโอกาสให้ผู้สำเร็จการศึกษาพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมั่นใจ ก็ได้รับความร่วมมือกับทางกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หรือจะเป็นกลุ่มคนที่ทำงานแล้ว แต่มีความต้องการศึกษาต่อ เราก็จัดหลักสูตรตามที่นักศึกษาที่ทำงานแล้วได้เรียน อย่าง วัน-เวลาเรียน ก็จะอำนวยความสะดวกให้เรียนครบตามองค์ประกอบของหน่วยกิต แล้วก็สามารถผ่อนชำระค่าเทอมได้อีกด้วย
มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จะเป็นอุทยานแห่งการเรียนรู้ สำหรับผู้อยากจะเลือกเรียน คณะใด สาขาวิชาใด ที่สามารถกลับไปพัฒนางานของตนเองได้ พัฒนาองค์กรของตนเองได้ ก็เลือกเรียนได้เลย โดยถ้าติดปัญหาเรื่องการเรียนหลักสูตรนั้น ๆ แต่ไม่มีพื้นฐาน มหาวิทยาลัยฯ ก็จะมีการเรียนปรับพื้นฐานให้ก่อนที่จะเข้าเรียนในหลักสูตร
นับเป็นความสำเร็จ ที่ไม่ได้เกิดแต่เพียงชั่วค่ำคืน แต่เป็นการสร้างรากฐานจากอดีตมาถึงปัจจุบัน และการวางแผนงานอนาคตไว้แบบเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้น มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี พร้อมแล้วที่จะเป็นแหล่งผลิตบัณฑิตเพื่อออกมารับใช้ประเทศชาติได้อย่างภาคภูมิใจ
ขอขอบคุณ ศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
#https://edu-today.com/